|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| เคลือบคอปเปอร์เรด สีสันจากเปลวไฟ | |
|
เคลือบคอปเปอร์เรด สีสันจากเปลวไฟ ดร. คชินท์ สายอินทวงศ์
ในบรรดาเคลือบเซรามิกที่สวยงามที่นักเซรามิกหรือช่างปั้นใฝ่ฝันที่จะทำให้เป็นผลงานชิ้นเอก เคลือบพวกคอปเปอร์เรดออกไซด์คงเป็นหนึ่งในบรรดาเคลือบที่นักเซรามิกอยากจะทำไว้เป็นผลงาน Master piece สักชิ้นหนึ่ง
เคลือบคอปเปอร์เรดจะมีสีแดงฉ่ำ แดงอมม่วงหรือแดงอมชมพู ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้และสูตรเคลือบ รวมทั้งฝีมือในการเผา ถ้าในกรณีที่ออกมาเป็นสีแดงฉ่ำหรือแดงอมดำจะมีคำเรียกเคลือบนี้ว่า Shinsha (Sang de Boeuf or Ox blood) แต่ถ้าสีออกมาในเฉดแดงอมม่วงจะเรียกว่า Kinyo (Rouge flambe’)
โดยปกติแล้วในบรรยากาศการเผาแบบออกซิเดชั่นทั่วๆไป เคลือบที่มีส่วนประกอบของ CuO จะให้สีเขียวจนกระทั่งออกสีเทาดำขึ้นอยู่กับปริมาณที่เติมลงไปในสูตร แต่ถ้าเรามีสูตรเคลือบที่เหมาะสมแล้วเผาเคลือบคอปเปอร์นี้ในบรรยากาศแบบรีดักชั่น เราก็จะได้สีเคลือบที่มีสีแดงสวยงาม
ในการเผาแบบออกซิเดชั่นนั้นเป็นการเผาที่เรียกว่าเป็น Complete combustion ตาม Stoichiometric ของการเผาไหม้ดังนี้
CH4 + 8N2 + 2O2 ----------> 8N2 + CO2 + 2H2O
ซึ่งสิ่งที่ได้จากปฏิกิริยาการเผาไหม้ที่สมบูรณ์นั้นจะได้กาซคาร์บอนไดออกไซด์กับไอน้ำออกมา แต่ถ้าการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ (Incomplete combustion) จะเกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้ดังนี้
3CH4 + 5O2 + 20N2 ----------> CO2+ 2CO+ 6H2O+ 20N2
ซึ่งนอกจากจะได้คาร์บอนไดออกไซด์และไอน้ำแล้วยังจะมีกาซคาร์บอนมอนออกไซด์ออกมาด้วย ซึ่งตัว CO นี้จะไปเป็นตัวที่เปลี่ยนสีเขียวของ CuO ให้กลายเป็นสีแดง ดังปฏิกิริยาต่อไปนี้
2CuO + CO ----------> Cu2O + CO2 (สีแดง)
การเผาแบบรีดักชั่นคือการเผาที่ไม่สมบูรณ์นั่นเอง โดยการจำกัดอากาศบริสุทธิ์ที่จะเข้าไปผสมกับกาซให้ได้สัดส่วนตามสมการของการเผาไหม้ โดยในการเผาแบบรีดักชั่นนั้นในช่วงเริ่มต้นของการเผาจนกระทั่งถึงอุณหภูมิประมาณ 1,000 องศาเซลเซียสจะเป็นการเผาแบบออกซิเดชั่นก่อน เพื่อให้ Organic matter ภายในเนื้อดินได้ถูกกำจัดออกไปจนหมดรวมทั้งกาซอื่นๆที่อาจเกิดจากวัตถุดิบที่ปนมาเป็น Impurities เช่น Sulphur, Carbonate หลังจากผ่านช่วง 1,000 องศาเซลเซียสไปแล้วก็จะเริ่มปิด Damper เพื่อให้อากาศเข้าไปภายในเตาน้อยลง เริ่มเพิ่มแรงดันของกาซให้มากขึ้นเพื่อให้มี CH4 มากกว่า O2 ในการเผา จนกระทั่งถึงจุดที่สูงสุดของการเผา
สำหรับสูตรเคลือบคอปเปอร์เรดนั้นมักจะเป็น Base ของ Lime-glaze ตามสูตรดังนี้
0.18 KNaO 0.32 Al2O3 3.0 SiO2 0.82 CaO
Add CuO 1%
SnO2 3%
Bone ash 1%
เผาที่อุณหภูมิ 1250-1280 องศาเซลเซียส ในบรรยากาศรีดักชั่น
เมื่อแทน CaO ด้วย BaO, MgO, SrO, ZnO ก็จะได้สีสันที่แปลกออกไปจากเดิม เช่นสูตร
0.18 KNaO 0.32 Al2O3 3.0-4.0 SiO2 0.62 CaO 0.10 SrO 0.10 BaO และเติม Additive เท่ากับสูตรแรก
แต่ผลการเติม BaO จะให้ผลต่อสีแดงที่ดีที่สุด นอกจากนี้เมื่อเพิ่ม KNaO ขึ้นไปจนถึง 0.24 ก็จะทำให้เคลือบมีความเงางามขึ้น และถ้าเติม TiO2 เข้าไปอีก 3% จะได้เคลือบ Kinyo ที่มีสีแดงอมม่วงสวยงามมาก
ตัวอย่างสูตรเคลือบคอปเปอร์เรด Shinsha
KNa feldspar |
40 |
Kaolin |
1.5 |
SiO2 |
21 |
Limestone |
15.5 |
BaCO3 |
8.5 |
ZnO |
14 |
CuO |
1 |
SnO2 |
3 |
Bone ash |
1.5 |
เผา Reduction ที่ 1250 องศาเซลเซียส |
ตัวอย่างสูตรเคลือบ Kinyo
KNaO feldspar |
26 |
CaCO3 |
17.5 |
BaCO3 |
5 |
Kaolin |
8 |
SiO2 |
39 |
TiO2 |
3 |
CuO |
1 |
SnO2 |
2 |
Bone ash |
1.5 |
เผา Reduction ที่ 1250 องศาเซลเซียส |
ซึ่งสีสันของเคลือบคอปเปอร์เรดนั้นจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้, บรรยากาศในการเผาที่ปรับแต่งช่วงรีดักชั่นให้สมบูรณ์, ความหนาบางของการเคลือบ ซึ่งถ้าบางเกินไปจะทำให้สีกลายเป็นสีขาวขุ่นได้
ต้นทุนในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นสีแดงแบบนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ค่าเชื้อเพลิงในการเผา สำหรับค่าวัตถุดิบสำหรับเคลือบนั้นถือว่ามีราคาไม่สูงเกินไปนักเมื่อเทียบกับเคลือบอุณหภูมิต่ำที่ต้องใช้องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นฟริต หรือ Flux ที่มีราคาแพง
ถือได้ว่าเคลือบคอปเปอร์เรดนี้เป็นเคลือบที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ทั้งในหมู่นักเซรามิก, ช่างปั้น รวมทั้งความต้องการของลูกค้าด้วย
|
|
|
|
|
|
|