ซัลเฟตที่มีอยู่ในดินแดงนั้นเป็นเรื่องปกติครับเพียงแต่ต้องไม่มากจนเกินไป ค่าที่ไม่ควรเกินนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ดินในผลิตภัณฑ์ใด และมีกระบวนการเตรียมเนื้อดินและขึ้นรูปแบบใด ถ้าใช้ทำเป็นน้ำดินเพื่อนำไป Spray drying นั้นจะต้องดูเรื่องการไหลตัวของน้ำดินเป็นหลักเพราะถ้ามีปริมาณซัลเฟตมากจะทำให้เกิดความหนืดและน้ำดินมี Thixotropy สูงขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องเติม Deflocculant มากขึ้น สำหรับการเตรียมเนื้อดินแบบ Semiwet process นั้นจะไม่กระทบกับคุณสมบัติของเนื้อดินแต่จะไปมีผลต่อ Surface ของผลิตภัณฑ์หลังเผา ถ้าซัลเฟตมีค่ามากจะทำให้เกิดคราบขาวของเกลือซัลเฟตที่เรียกว่า Efflorescense ถ้าผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อ Terracotta ก็จะมีคราบทำให้ไม่สวยงาม ถ้านำไปเคลือบสีแล้วเผาจะทำให้เกิดสีดึงตัว (Crawling) หรือถ้าซัลเฟตยังอยู่ในรูปยิปซัมก็จะทำให้เกิด Defect ที่เรียกว่า Pop out โดยเนื้อดินจะระเบิดออกเมื่อเวลาผ่านไปจนทำให้เคลือบเป็นรอยแตกและภายในจะเป็นก้อนสีขาวของแร่ยิปซัม

สำหรับการหล่อแบบนั้นน้ำดินที่ใช้ในการหล่อแบบไม่ควรมีค่าซัลเฟตเกิน 300 ppm เพราะจะมีผลต่อการไหลตัวของน้ำดิน

มีหลายงานวิจัยที่ให้เติมพวก BaCO3 ลงไปเพื่อปรับค่าซัลเฟตให้ลดลงโดยกลายเป็นเกลือที่ไม่ละลายน้ำ แต่สำหรับผมกลับไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะนอกจากไม่ค่อยได้ผลแล้วยังเป็นการเพิ่มต้นทุนอย่างมาก เพราะ BaCO3 ก็ไม่ถูก ทางที่ดีไปเสาะหาดินที่มีซัลเฟตน้อยจะดีกว่า ในประเทศเรายังมีแหล่งดินแดงและดินเหนียวอยู่อีกมากครับที่มีซัลเฟตน้อย