ตำราเซรามิกบ้านเราต้องยอมรับเลยว่ามีน้อยและเป็นอย่างที่คุณมนัสว่าจริงๆคือเราแปล Text จากเมืองนอกมา สมัยพวกผมยังเรียนป.ตรีกันอยู่ก็ต้องแปลหนังสือเหล่านี้แหละครับให้อาจารย์เอาไปรวมเล่มเพื่อทำตำแหน่งทางวิชาการ ต้องขออภัยอาจารย์ทั้งหลายด้วยแต่นั่นเป็นเรื่องจริง ถ้าต้องการเป็นรศ. ก็ต้องเขียนตำรา แล้วเราจะเขียนอย่างไรได้ในเมื่อทุกวันเราก็สอนหนังสือกับทำวิจัย ก็ต้องอาศัยแปลมาจากหนังสือเมืองนอกแล้วมาเรียบเรียงในแบบของตนเองจะได้ไม่น่าเกลียดมาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนในวงการเซรามิกนะครับ เพียงแต่คุณมนัสอยากเห็น ผมก็อยากเห็น หนังสือที่เหมือนที่สมาคมเซรามิกอิตาลีทำออกมา ทำมาเป็นเล่มๆเลย มีทั้งเล่ม วัตถุดิบและการเตรียมวัตถุดิบ เล่มเคลือบ เล่มการอบแงและการเผา เล่มเกี่ยวกับสีเซรามิก เล่มเกี่ยวกับ Rhology โดยเฉพาะ และเป็นการรวบรวมจากนักเซรามิกในโรงงานอุตสาหกรรมจริงๆ ใครถนัดเรื่องใดก็เขียนกันมาและมี Editor คอยช่วยเกลาให้ดีและพิมพ์ออกขาย มีโฆษณาสินค้าเพื่อเป็นสปอนเซอร์บ้าง แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะคนอ่านจะได้รู้ว่าจะใช้อะไรผลิตต่อไป
ตอนนี้ผมก็กำลังเขียนเรื่องวัตถุดิบและการเตรียมวัตถุดิบของเนื้อดินอยู่เกือบเสร็จแล้วแต่ยังไม่มีเวลาเกลาและเพิ่มเติมอีกนดหน่อย แล้วจึงพิมพ์ออกไป และเรื่องถัดไปคือเรื่องการขึ้นรูปในกระบวนการต่างๆ และเรื่องเคลือบ/ การเคลือบ และตำหนิที่เกิดรวมทั้งแนวทางการแก้ไข แต่ไม่รู้ว่าจะเสร็จได้เมื่อไหร่ จริงๆได้เริ่มทาบทามพวกพี่ๆตามโรงงานต่างๆทั้งโรงกระเบื้อง โรงถ้วยชาม โรงอิฐทนไฟ โรงสุขภัณฑ์ โรงลูกถ้วย โรงหลังคา ให้มาช่วยกันเขียนแบบอิตาลีบ้าง แต่ปัญหาคือพวกเราไม่ชอบการเขียนการบันทึก ส่วนใหญ่ประสบการณ์ดีๆจะอยู่ในหัวของแต่ละคนเสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเราถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือได้ก็จะเป็นการรักษาองค์ความรู้ไว้ให้น้องๆและลูกหลานของเราต่อไป ปัญหาอีกอย่างที่มี feed back มาคือกลัวว่าการเขียนอะไรไปจะเป็นการเขียนความลับของบริษัทตัวเองออกมาและอาจมีความผิดได้ เวลาผมไปสอนตามโรงงานต่างๆผมมักจะบอกเสมอว่าคู่แข่งเราไม่ใช่พวกเรากันเอง แต่เป็นจีน เวียดนาม ดังนั้นเรายิ่งต้องช่วยการส่งเสริมสนับสนุนให้วงการเซรามิกบ้านเราดีขึ้นเรื่อยๆให้ได้ครับ
ผมจะพยายามทำหนังสืออย่างที่คุณหรือผมต้องการ นึกถึงสมัยเพิ่งทำงานที่ไม่มีอะไรให้ค้นคว้า ศึกษาเลย แม้แต่อินเตอร์เน็ต |