และเมื่อกำหนดทิศทางเหล่านี้ได้แล้ว
สิ่งที่ต้องวางแผนต่อไปคือ Tech ของ
เครื่องจักร กระบวนการผลิต เพื่อให้สนับสุน
เป้าหมายที่กำหนดขึ้น
ลำดับต่อไปจะพูดถึงเฉพาะเตาที่ต้อง Support
การผลิตสินค้าแนวที่เราได้กล่าวมาแล้ว
การกำหนดคุณสมบัติของเตา เราจึงสรุปกันว่า
เตา RHK คือคำตอบทั้งปวงสำหรับการผลิต
สินค้าในอนาคตที่มีลักษณะ
Order ต่อ Order ที่จำนวนมากแต่หลากหลาย
ทั้งรูปทรง หลากหลายชนิดเคลือบ และต้องการความต่อเนื่อง
ไม่เกิดWIP มากในระหว่างการรอBalance Line
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ
1) Firing Cycle ต่ำ เพียง 3 ชม เมื่อเทียบกับเตา TK ซึ่ง
ต้องการอย่างน้อย 18-24 ชม ทำให้ลดเวลาการรอคอย
เพื่อบรรจุสินค้า
พบว่า Cycle 3 Hr เหมาะสมทั้งด้านคุณภาพและคุณสมบัติ
หลายประการ อาจเร็วกว่านี้แต่ด้วยข้อจำกัดรูปทรง
ที่หลากหลายที่ต้องเข้าไปพร้อมกัน ควรกำหนดกับผู้ผลิตไว้ตาม
ที่แนะนำ
2) ประหยัดพลังาน เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ Sagger ในการเผา
อย่างน้อย 20% สามารถลดลงได้ อีกทั้งลดความยุ่งยากในการจัด
คิวของจ๊อที่จะใช้หมุนเวียน การชำรุดเสียหาย
3) ยืดหยุ่นในการผลิตได้ดี สามารถสลับสินค้าเข้าได้ง่าย ในกรณีเปลี่ยน
แปลงแผนการผลิต หรือในกรณีต้องการผลทดลอง ทดสอบน้ำเคลือบ
จะทำได้เร็วกว่า
4) ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจะสามารถกู้คืนได้เร็วไม่เสียเวลาไปกับการรอให้เตา
เย็นตัวลง
5) สามารถ Heat up Temp ได้ในเวลาไม่ถึง 3 ชม
ข้อเสียก็ต้องมี เช่น Roller จะเกิดการหักตามอายุ
การเดินเตาต้องดูแลใกล้ชิดกว่า เตา TK เพราะจะเกิด
อุบัติเหตุได้ง่ายกว่าเช่น ของหล่นไปขวางทางทำให้
Plate Setter อาจจะเกยกันเป็น โดมิโน่ แต่เหล่านี้
ป้องกันได้ทั้งที่คนและที่เตา
|