กระเบื้องแสงรุ้งกลาสโมเสค
Pakarung - Think Ceramic Think Pakarung
ซิเบลโก้ มิเนอร์รัลส์ จัดหาแร่คุณภาพสำหรับอุุตสาหกรรมเซรามิคส์
Ferro
Keramat
MS Industrial Supplies
Ceramics R Us
กลับไป Webboard
  TOPIC: ขอเสนออีกทรรศนะ เรื่องอุตสาหกรรมเซรามิกไทยสู้จีนไม่ได้จริงหรือ?
ชาวบ้าน โป่งแร้ง  |  27 มิย 52 - 11:26:18  

หลังจากทำงานกับภัทราเซรามิกมาประมาณ 20 ปี

ปัจจุบันยึดอาชีพ นำเข้า ส่งออก สินค้า ถ้วย จาน ชาม

เซรามิกอย่างเดียว

ทำงานตั้งแต่เป็นวิศวกรโครง  ผู้จัดการโครงการ สร้างโรงงาน

ที่หนองแค ซึ่งช่วงนั้น UMI ก็ขึ้นพร้อมๆกันเป็นโรงงานผลิตสิน

ค้าพอร์ซเลนซึ่งร่วมทุนกับ NIKKOผู้ผลิต Bone China ,

Porcelain, Iron Stone ชั้นนำของญี่ปุ่น  ด้วยเงินลงทุน

คิดเป็นมุลค่าปัจจุบันก็พันกว่าล้าน

จนถึงตำแหน่งล่าสุดคือผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฎิบัติการ อยู่มาทุกสายงานผลิต

ผมเคยได้รับมอบหมายในช่วงปี 2537-38 ช่วงนั้น ภัทรา มีโครงการจะ

ย้ายฐานการผลิต Stoneware ไปที่จีน ผมและทีมงานได้รับการติดต่อ

จากบริษัทชั้นนำทางด้วยผลิตถ้วย จาน ชาม ที่เมือง Tangshan ซึ่งเป้น

เมือง เซรามิกอยู่ใกล้ๆกับปักกี่ง ให้ไปดูว่าสามาถจะ Joint Venture กัน

ได้หรือไม่ และถ้าไม่มีอีกทางเลือกไปตั้งโรงงานผลิตที่ นิคมอุตสาหกรรม

ของเขา เพื่อเปรียบเทียบความเป็นไปได้

ตอบกระทู้
  ความคิดเห็นที่ 7 ชาวบ้าน โป่งแร้ง  |  28 มิย 52 - 07:05:34  

โรงงานผลิต ถ้วย จาน ชาม เซรามิก ที่เมืองจีน

ตอนนี้เขาพัฒนาไปไกลกว่าเรามาก โดยเฉพาะ

เทคโนโลยี่ในการเผาผลิตภันท์ เขาใช้เตาRHK

กันแพร่หลายและสร้างขึ้นใช้เอง มีผู้ผลิตเตามากมาย

ดังนัน เพียงแค่ สอง สาม ปีให้หลัง ผมไปTangsan

อีกครั้งหนึ่ง ประมาณปี 38 ปรากฎว่า โรงงานในประทศจีน

ในช่วงนั้น เครื่องจักรทันสมัยเริ่มเข้าไปและมีเครื่องจักรขึ้นรูป

ผลิตขึ้นใช้เองแบบง่ายๆ ก็มีให้เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ Tangsan

และลงมาทาง มณทลชานตุง ซึ่งก็เป็นแหล่งผลิตใหญ่อีกที่หนึ่ง  

แต่ก้มีข้อเสียคือการก๊อปปี้ มันก็มาแบบขาดๆเกิดๆ ไม่รู้ว่าจุดไหนคือ

หัวใจ เน้นการใช้วัสดุแบบไม่คำนึงถึงคุณภาพมาใช้ประกอบเครื่องจักร

ทำภายนอกดูสวย ใช้ไปไม่ทันไรก็มีปัญหา นี่คือเอกลักษณ์ของสินค้าจีน

ผมมองว่าการผลิตสินค้าถ้วย จาน ชาม เขามาถูกทางตรงที่ เขาเอาเทคโน

มาช่วย ลดต้นทุนจริง และระบบการจัดการการผลิตเขาทำได้ดี ดูจากการจด

บันทึกข้อมุลในการผลิต จดค่าต่างๆ ในใบรายงานการผลิต ทำได้ไม่แพ้โรงงาน

ชั้นนำในต่างประเทศเลย นี่คือโรงงานเมื่อปี 38 ที่Tangsan อาจเป็นเพราะ

ทางจีนเคยจ้างผูเชี่ยวชาญ ชาวยุโรปให้เป็นที่ปรึกษาโรงงานพวกนี้อยู่พักหนึ่ง

เพื่อเรียนรู้การทำงาน การค้าขายแบบตะวันตกเรียนรู้คุณภาพ การจัดการ ช่วงหนึ่ง

จีนวางยุทธศาตร์เอาการส่งออกเป้นเป้าหมาย และเขามองว่าศักยภาพสินค้า ถ้วย

จาน ชาม สามารถเอามานำหน้าได้ และก็จริง

เรื่องกลัวจีนจะก๊อปของเราไป ไม่ต้องกลัวครับเขาก๊อปแหลกอยู่แล้ว แต่เขาก็พัฒนา

งานออกแบบเขาด้วยครับ เด๊ยวนี้โรงงานที่คิใหม่ในจีนมีมากมายครับ หยุดก๊อป

เพราะไม่ได้ทำให้เขาขายได้ราคาเลย ดังนั้นเขาก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ ต้องการลบ

ภาพจีนคือแหล่งสินค้าถูกออกไป โดยการออกแบบผลิตภันท์เอง ใส่ความแปลก 

ความหรูหราลงไป ใส่ความดูมีราคาลงไป แล้วกำหนดราคาใหม่ บางโรงงานถ้าใครเอา

แบบมาให้เขาก๊อปเขาไม่ทำครับ เพราะเขารู้ว่า ต่อไปเขาต้องโดยกดราคา เขาจะเสนอ

แบบของเขาที่ออกมาให้ดู ชอบไม่ชอบ ต้องการให้แก้ไขอะไรบอกเขา แต่ต้องเป็นต้น

ฉบับจากเขา และราคาเขากำหนด ถ้าไม่ซื้อเขายังมีตลาดในประเทศรองรับอีกมหาศาล

 

  ความคิดเห็นที่ 6   |  27 มิย 52 - 22:45:11  

การที่เรารู้ตัวเองว่า เราทำงานเข้าเป้าเพราะอะไร พลาดเป้าเพราะอะไร

นี่คือสิ่งที่ควร และจำเป้นต้องรู้และต้องมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ตัวนี้

เพราะสิ่งเหล่านี้มันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ถาวร และตรงจุดมากที่สุด

          แล้วเราจะกำหนดมันอย่างไร

ก่อนอื่น สินค้าทุกตัวเราต้องรู้ต้นทุนผลิตอย่างละเอียดและชัดเจน

โดยต้องแบ่งเป็นส่วนต่างๆคือ วัตถุดิบ แรงงาน ค่าใช้จ่ายการผลิต

ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผมพูดเฉพาะส่วนที่เป็น Cost of good

Sold นะครับ

และนอกจากรู้ต้นทุนผลิตแล้ว เราต้องรู้เป้าหมายในการขายว่า

เรากำหนดเป้าหมายการขายไว้อย่างไรและกำหนด Product

Mixไว้อย่างไร กำหนด Past Rate ไว้อย่างไร เพื้อจะทราบ

ว่าทุนก้อนใหญ่แต่ละเดือนจ่ายให้กับอะไรบ้าง หลังจากนั้นเรา

ดำเนินการผลิต และเมื่อสิ้นเดือนมาถึง

ระบบโปรแกรม ที่จัดทำไว้ จะต้องคำนวนยอดการผลิตจากท้าย

มาหาต้นโดยมีค่ามาตรฐานที่เป็นฐานข้อมูลที่ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้า

ตีตัวเลขออกมาว่า วัตถุดิบ แรงงาน เชื้อเพลิง วัสดุสิ้นเปลือง จะถูกใช้ไป

เท่าใด เป็นมูลค่าเท่าใด และสำหรับค่าใช้จ่าย Actual ที่จ่ายจริง จ่าย

ไปเท่าใดโดยหักยอดคงเหลืองานระหว่างทำ ของใช้ที่เบิกไปแต่คงเหลือ

นับยอดออกมาก็จะได้ตัวเลข Actual เทียบกับ STD ที่คำนวนไว้

สำหรับพนักงานภัทรา ตั้งแต่ระดับ หัวหน้าแผนกขึ้นไปซึ่งบางคนความรู้

รู้ระดับ ม3-ม6ทุกคนจะเข้าใจว่า STD COST คืออะไร ACTUAL COST

 คืออะไร และสามารถสรุปได้

ก่อนปิดบัญชีในอีกสามวันต่อมาด้วยว่า แต่ละเดือนที่ผลิต เรามีค่าVarience

เป็น Favor หรือ Unfavor เพียงแต่จะบอกไม่ได้ว่าเป็นค่าเท่าไร

เหตุเพราะ พวกนี้จะมี STDของการผลิต และYield ในมือ และมี Budjet

 ว่าเขาจะมีสิทธิเบิกอะไรได้เท่าไร ถ้ามากกว่านั้น เขาไม่มีสิทธิเบิกเอง จะต้องให้

ระดับสูงกว่าเขาอนุมัติ จุดนี้จะทำให้เขารู้ว่างานที่ทำเกิดของเสียหรือเกิดความผิดพลาด

ขึ่นแล้ว นี่คือระบบที่เราทำและบังคับให้ทุกคนทำงานอย่างมี

เป้าหมาย

 

 

 

  ความคิดเห็นที่ 5 ชาวบ้าน โป่งแร้ง  |  27 มิย 52 - 22:36:47  

แล้วเราจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไรเพื่อให้การผลิตคล่องตัว

และสามารถเกิดประสิทธิภาพให้มากที่สุดแม้งานจะหลากหลาย

สำหรับผม อย่างที่บอกไว้ ภัทรา จะบริหารจัดการทางผลิตและ

ควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิตด้วย Standard Cost มาตั้งแต่ปี

2536 และประเมินผลงานด้วยระบบ วัดค่า Varience ที่เกิดขึ้น

ในแต่ละเดือน แล้วนำเสนอรายงานต่อผู้ถือหุ้นทุกเดือนว่า เหตุที่

STD กับ Actual มันต่างกันด้วยสาเหตุใด มีทางแก้ไขอย่างไร

มีทางรักษาไว้อย่างไรถ้า Actual ต่ำกว่า STD Cost

  ความคิดเห็นที่ 4 ชาวบ้าน โป่งแร้ง  |  27 มิย 52 - 22:25:27  

-ขอต่อเรื่องของจีนถูกหรือแพง

จากการที่จีนรับ Orderอย่างที่ผมได้พูดไป

ทำให้การจัดการการผลิตทำได้ไม่ยาก เพราะ

ลายผลิต ไม่ต้องเดินๆ หยุดๆ เปลี่ยนลายล้างลาย

บ่อย เคลือบสีของถ้วย จาน ชาม การชุบเพียงสิบ

หรือยี่สิบใบ ต้องใส่น้ำเคลือบเพื่อให้จุ่มลงไปได้ไม่ต่ำ

กว่า ยี่สิบ หรือ สามสิบลิตร หลังจากนั้นไปไหน เก็บครับ

เก็บไว้นานก้บูด ใช้ไม่ได้เคลือบตกตะกอนบ้าง เคลือบ

คืนตัวบ้าง นี่คือข้อแตกต่างของต้นทุนผลิตที่จะเจออยู่

เป็นประจำ ถึงบอกว่า ถ้าเราทำการผลิตสินค้าที่หลายหลาย

ทั้งShape ทั้งรูปทรง แบบที่ผมเคยทำ ต่อให้ปรับสูตรอย่างไร

มันก็ไม่ได้ทำให้ต้นทุนมันลงไปได้ เพราะมันเกี่ยวกับสูตรน้อยมาก

มันเป็นความสุญเสียเนื่องจากการผลิตที่หลากหลาย และความสุญ

เสียแบบนี้มันมีอิทธิพลมากที่สุดกับต้นทุนผลิตโดยรวม นั่นคือ

Efficiency ของการผลิตจะเกิดการรอคอยอยู่มากมาย  งานจะไม่ออก

เครื่องจะหยุดเดิน เพื่อรอคนล้างเครื่อง ล้างสายพาน เตรียมสีเคลือบ

ปรับเข้า line เตรียมอุปกรณ์เช่นพู่กัน แปรงปัด อะไรต่อมิอะไรมากมาย

 

  ความคิดเห็นที่ 3 ชาวบ้าน โป่งแร้ง  |  27 มิย 52 - 12:17:46  

ตั้งแต่นั้นมา จึงมีบทสรุปว่า ของดีราคาถูกไม่มีในโลกครับ

แต่ทำไมจีนถึงขายในราคาที่ถูก เท่าที่สังเกตุจากการDue

ในการซื้อขาย

1) ต้องสั่ง รายการละ 2 ตู้ยาวเป็นต้นไปสำหรับShapeใหม่

    ลายใหม่  คือถ้าเป็นจานก็ประมาณ 2-4 หมื่นชิ้น ตู้ละไม่เกิน

    2-3 ลาย 2-3 สี ไม่เกิน 5 item ถ้าสั่งนอกเหนือจากนี้

    คิดเพิ่ม

2) คุณภาพโดยรวม เทียบกับบ้านเรา ยัดใส้มาเพียบ เปิดกล่อง

    แทบตกใจ ต้องเอาออกมาคัดมาดุ มาจัดใหม่ คัดออกก็มาก

    เรียกว่าถ้าส่งให้ลูกค้ามีหวังเขาตามหาคนส่งของต้นทางแน่

    จะเอาจานมาขว้างทิ้งต่อหน้าอะไรประมารนั้น

3) ที่บอกว่าตรงเวลาแทบจะไม่มีครับ เลื่อนบ่อยด้วย สารพัดเหตุผล

    อื่นๆยังไม่ขอเล่า

  และที่บอกว่าถูก ก้ไม่ถูกนะครับชิ้นละ .6-.7 USD Stoneware

  ของส่งมา ยัดมา 50:50 ก็เท่ากับราคา 1.2-1.4 เหรียญ

  และเกรด a ของเขา เที่ยบเท่าบ้านเราก็เกรด B หรือ A 2ลบ  ครับ

  ให้เดินไปดุได้ที่ Index LIving Mall หรือไม่ก็ Lotus ดูลายที่เป้นเนื้อ

  ครีม ติดลายสีชมพู ทุกวันนี้ก็เห้นวางขาย แต่ราคามหาโหด คุณภาพยังไม่เท่า

เกรด A ครับ ดูที่ผิวหน้าจะเห็น Pin Hole ยิบๆ ราคาดินเนอร์ ใบละ 200 กว่าบาท

ผมซื้อ Bone China จาก Siam Fire มาใช้แค่ใบละ 150 บาทแต่คุณภาพต่าง

กันมาก

  ความคิดเห็นที่ 2 ชาวบ้าน โป่งแร้ง  |  27 มิย 52 - 12:11:06  

ได้หารือเรื่องการลงทุนร่วมดูแล้วเงื่อนไขมากมายและที่สำคัญ พนักงานเรา

ไม่มีสิทธิเลือกต้องรับไปทั้งหมด เราจึงมาถึงแผนที่จะสร้างโรงงานในนิคม

ซึ่งเขาตั้งเรียบร้อยมีโรงงานเข้าไปอยู่กันมากแล้ว ก็ระยะเวลาประมาณ เกิด

นิคมปูนซีเมตน์ที่หนองแค ใกล้ๆกัน สิ่งอำนวนยสะดวกเรียกว่าครบครับทั้ง

ก๊าซธรรมชาติต่อท่อถึงที่ แบ่งเป็นแปลงให้เช่าไม่ได้ขาย คิดทบทวนทั้งหมด

ดูแล้วทั้งต้นทุนทั้งเงินลงทุน แล้วคำนวนรายรัยรายจ่าย สรุปคือ ไม่คุ้ม

เพราะ ค่าแรงเท่าๆกับเรา เนื่องจากต้องอยู่ในนิคม แถมต้องจ่ายโบนัสตั้ง

แต่ปีแรก ค่าขนส่ง อะไรต่อมิอะไร ก็คือทำที่บ้านเราอย่างเดิมก็ไม่ต่างกัน

  ความคิดเห็นที่ 1 ชาวบ้าน โป่งแร้ง  |  27 มิย 52 - 11:39:45  

ก่อนหน้านั้น ผมไปจีนเมื่อปี 2536  ไปสำรวจเหมือง Boxite

Magnisite เพราะใช้กับโรงงาน ภัทรา รีแฟรคทอรี่ ทำ Raming

Gunning และพวก Castable เมืองที่ไปต้องนั่งเครื่องจากปักกิ่ง

ไปอีก 3 ชม ขึ้นไปทาง มณทลเหลียวหนิงแล้วนั่งรถไฟต่อไปอีก

ประมาณ 3 ชม  ที่เมือง Yangquan (อ่านว่าหยางเฉวิน)

ผู้คนหน้าตาจะกลายๆไปทางธิเบตแล้ว หนาวทั้งวันสำหรับเดือนเมษายน

ในเหมืองจะมีคนงานทำงานใช้แรงงงานทั้งสิ้น ค่าแรงถูกมาก

วันละ25 บาท เห็นภูเขาหัวโล้นมีแต่แร่ไม่มีต้นไม้ แต่ที่แปลกใจคือเจ้าของ

เหมืองเป็นคนญี่ปุ่นที่ไปบุกเบิกทำเหมืองที่นั่น น่าทึ่งที่ชาวญี่ปุ่นเขาเป็นนัก

สำรวจ นักบุกเบิกตัวจริง ขอให้ได้กลิ่น เขาถึงก่อนใคร

หลังจากสำรวจเหมืองแถบนั้น ก็ย้อนกลับมาที่เมืองเทียนจินเพื่อเจรจาซื้อขาย

ซึ่งแร่เหล่านี้จะถูกส่งมาทางรถไฟ ค่าขนส่งไม่ใช่น้อยเพราะระยะทางจากเหมือน

มาที่ท่าเรือจะใช้ระยะทางเป้นพันไมล์ นั่นคือต้นทุนการผลิตของจีนกลับไปสูงที่

ค่าขนส่งแม้จะมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์

หลังจากนั้นผมก็เดินทางไปยังเมือง Tangsan เมืองที่มีการผลิต ถ้วย จาน ชาม

มาแต่โบราณ ในระหว่างนั้นเราก็ได้เห็นเมืองที่เต็มไปด้วยกลุ่มควันเถ้าถ่าน เพราะเขาใช้

ถ่ายหินเผา โรงงานระดับกำลังผิต 3-4 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งถ้าเทียบก็จะ

ประมาณ ภัทรา หรือไม่ก็ คราวน์ซึ่งก็ทราบว่ากำลังผลิตถ้วยมักก็ประมาณนั้น

ของภัทรา ผลิตที่ 2.7 ล้านต่อเดือน ผลิตเพื่อใช้ในประเทศ  นับได้เกือบร้อยโรง

ตามข้อมูลหลังจากเข้าพบกับเจ้ากหน้าที่ระดับสุงของพรรคคอมมิวนิสย์ที่ส่งมาประจำ

ตามเมืองใหญ่ ทำงานคู่กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

การส่งออกช่วงนั้นยังถือว่าไม่มาก  เมืองนั้นเริ่มจะมีอเมริกันเข้าไปร่วมถือหุ้นกับบริษัท

เดิมซึ่งจะเป็นกึ่งรัฐบาลกึ่งเอกชน เฉพาะเมืองนี้ มีสถาบันพัฒนาเซรามิกถึง 5 สถาบันใหญ่

ระดับตำบล อำเภอ จังหวัด มณทล คุณภาพที่พบจะมีตำหนิค่อนข้างมากทั้งที่เขาผลิตด้วย

เตาอุโมงค์ ไม่ใช่เตามังกรโบราณ ใส่จ๊อเผา การตกแต่งเขาใช้เครื่องพิมพ์รูปลอกของญี่ปุ่น

ใช้แรงงานเป็นหลัก มีโรงงานผลิต โบนไชน่า ทราบว่าเป็นHankook Ceramic

จากเกาหลีไปลงทุนร่วมที่นั่น เมืองนี้มีโรงงานผลิต Stain โดยนักลงทุนชาว เยอรมัน

และ อิตาลี่ แต่ไม่ใช่ Cerdec จำชื่อไม่ได้ กำลังตั้ง plant พอดี