เคลือบสี (ขอพูดเฉพาะ ถ้วย จาน ชาม เผาด้วย บรรญากาศ Oxidation)
ประกอบด้วย Base Glaze +ตัวทำให้เกิดสี เช่น Stain หรือ Oxide
Base Glaze แบ่งออกได้เป็น สอง กลุ่ม
Clear Glaze ถ้าต้องการให้สีเคลือบหลังเผาดูแล้วออกใส
Opec Glaze ถ้าต้องการให้สีเคลือบออกแนวขุ่นหรือทึบ
สีส่วนมากถ้าทำการผลิตแบบ Comercial จะใช้ Stain
เป็นหลัง เพราะควบคุมการเผาได้ง่ายกว่า Oxide แต่ราคา
จะแพงกว่า
สำหรับ Oxide ราคาจะถูกกว่า แต่ข้อเสีย ควบคุมการผลิตเพือ
ให้ได้ Shade สี ออกมาเหมือนๆกันจะทำได้ยากมาก โดยเฉพาะ
กับงาน Tableware ที่มีรูปทรง 3 มิติ และด้วยเหตุที่การไวต่อ
อุณหภูมิการเผา จึงไม่เหมาะผลิตเพื่อเป็นสินค้าที่ต้องส่งเป้นชุด มี
acessories หลายรายการ เช่นต้องมีทั้ง จาน ชาม ถ้วยกาแฟ
กาน้ำชา เหล่านี้จะใช้ มาตรฐานการผลิตตัวเดียวกันไม่ได้ ดังนั้น
Oxide จึงเหมาะกับงานแนว Art มากกว่าจะใช้ใน Daily Use
Ceramic
ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่รายที่ผลิตสินค้า แนว Art Glaze ลงบนถ้วย
จาน ชาม ยกตัวอย่างเช่น
Denby Pottery UK
http://www.denby.co.uk
Friesland Germany
เคยเข้าไปดูการผลิตของ Denby ที่ UK ของเขาหนึ่งสี เขาจะแบ่งกลุ่ม
ได้ถึง 10 กลุ่ม หมายถึง สีเดียวกัน มีถึง 10 Shade
ราคาตกใบละประมาณ 400-500 บาท หัวใจของงานเผา เคลือบ
Oxide และต้องการควบคุม Shade แบบ denby ต้องมีเทคนิก
การเคลือบที่ต่างจากปรกติที่ใช้ และที่สำคัญ เตาเผาต้องมีการจัดการ
การเรียง การปรับอุณหภูมิ แตกต่างจากสีปรกติในบางส่วน
|